วันก่อน อ่านบทความเรื่อง “ทำไมภาษาอังกฤษของไทยถึงแย่... อยู่อันดับท้ายๆ ของอาเซียน”
ในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง คนต่างชาติเขาวิเคราะห์เหตุผลหลายข้อที่น่าสนใจ และสมควรจะได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน แม้ว่าจะเป็นปัญหาที่เราท่านรู้กันดีมานานแล้วก็ตาม
เขาบอกว่า สาเหตุประการแรก คือ “ระบบการศึกษาไทยเน้นเรื่องท่องจำ”
นี่เป็นประเด็นที่รับรู้กันในระบบการศึกษาไทยมาช้านาน นั่นคือ สอนให้นักเรียนท่องจำสิ่งที่ครูสอน ไม่ว่าจะเป็นไวยากรณ์หรือคำศัพท์ ขาดการวิเคราะห์ พูดคุย ซักถาม
นี่เป็นประเด็นที่รับรู้กันในระบบการศึกษาไทยมาช้านาน นั่นคือ สอนให้นักเรียนท่องจำสิ่งที่ครูสอน ไม่ว่าจะเป็นไวยากรณ์หรือคำศัพท์ ขาดการวิเคราะห์ พูดคุย ซักถาม
ถามว่า ปัญหานี้ เป็นที่รับรู้กันในระดับผู้วางนโยบายหรือไม่ ตอบว่ารู้อย่างแน่นอน ถามว่าในทางปฏิบัติได้รับการแก้ไขมากน้อยเพียงใด ตอบว่าในภาคเอกชน มีความพยายามปรับปรุงตามลำดับ แต่ในระบบราชการ ยังไม่อาจจะดิ้นหลุดจากระบบเก่าๆ ได้
เมื่อโรงเรียนต่างจังหวัดส่วนใหญ่ยังอยู่ใต้ระบบราชการเดิม ช่องว่างระหว่างการเรียนรู้ของเด็กในเมืองกับที่อยู่ไกลปืนเที่ยง ก็ยิ่งจะกว้างขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้
เหตุผลข้อสอง คือ การขาดวิธีการสอนแบบวิเคราะห์ คือ สอนให้รับรู้ ไม่ต้องถามว่าสิ่งที่ครูสอนนั้นถูกต้องเป็นจริงหรือไม่
ครูสอนภาษาอังกฤษของโรงเรียนไทย ยังไม่ได้คุณภาพตามที่ต้องการ ดังนั้น เมื่อนักเรียนซักถามก็มักจะตอบไม่ได้ หรือไม่พยายามจะหาคำตอบ เพราะยังเชื่อเหมือนเดิมว่าครูต้องตอบได้ทุกคำถาม ทั้งๆ ที่บทบาทของครูต้องเปลี่ยนไปเป็น “ผู้ชี้แนะ” และเป็น “โค้ช”มากกว่าที่จะสถาปนาตนเป็นผู้รอบรู้ทุกเรื่อง และเมื่อนักเรียนซักถามในสิ่งที่ครูตอบไม่ได้ ก็จะเกิดความรู้สึกว่า “นักเรียนลองภูมิ” ซึ่งยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนห่างเหินมากขึ้น
ครูสอนภาษาอังกฤษของโรงเรียนไทย ยังไม่ได้คุณภาพตามที่ต้องการ ดังนั้น เมื่อนักเรียนซักถามก็มักจะตอบไม่ได้ หรือไม่พยายามจะหาคำตอบ เพราะยังเชื่อเหมือนเดิมว่าครูต้องตอบได้ทุกคำถาม ทั้งๆ ที่บทบาทของครูต้องเปลี่ยนไปเป็น “ผู้ชี้แนะ” และเป็น “โค้ช”มากกว่าที่จะสถาปนาตนเป็นผู้รอบรู้ทุกเรื่อง และเมื่อนักเรียนซักถามในสิ่งที่ครูตอบไม่ได้ ก็จะเกิดความรู้สึกว่า “นักเรียนลองภูมิ” ซึ่งยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนห่างเหินมากขึ้น
นั่นย่อมนำไปสู่ปัญหาข้อที่สาม คือ ครูไทยด้อยคุณภาพ ยิ่งหากเป็นครูภาษาอังกฤษด้วยแล้ว การฝึกสอนให้เป็นครูภาษาที่ดี ยิ่งยากลำบากขึ้น เพราะการเป็นครูที่ดี และเก่งเป็นที่ชื่นชอบของนักเรียน เป็นเรื่องที่ต้องสั่งสมอย่างเป็นระบบ
แต่ทุกวันนี้ กระบวนการฝึกครูของเรายังห่างไกลจากมาตรฐานที่ควรจะเป็น และเมื่อครูคุณภาพต่ำ นักเรียนจะมีคุณภาพดีไม่ได้
สาเหตุอีกประการหนึ่ง คือ ครูต่างชาติก็ใช่ว่าจะมีคุณภาพที่ดีเสมอไป และมีปัญหามากมายตามมา เช่น แม้จะจบปริญญาแต่ไม่ได้เรียนทางด้านการสอน และบางคนไม่มีวุฒิปริญญาที่ต้องมี ซ้ำร้ายยังใช้ปริญญาปลอมสมัครเป็นครูเสียอีก
ไม่ต้องเอ่ยให้ต้องท้อใจเพิ่มเติมว่า การสอบเป็นครูก็มีการโกงและลอกข้อสอบ ตลอดไปถึงการใช้เงินซื้อวุฒิบัตรกันได้ง่ายๆ
อีกข้อหนึ่งที่คนต่างชาติมองเข้ามาในระบบการศึกษาของไทย แล้วบอกว่า เป็นปัญหาใหญ่ คือ ตัวกระทรวงศึกษาฯ เอง ที่ยังไม่ได้รับความสำคัญเพียงพอ จากผู้นำการเมืองที่มักจะมองข้ามความสำคัญ ของเนื้อหาสาระของการปฏิรูปการศึกษาอย่างแท้จริง ทั้งๆ ที่การศึกษาเป็นหัวใจของการสร้างประเทศชาติ
ดังนั้น เมื่อมีคนถามว่าทำไมเด็กไทยเรียนภาษาอังกฤษ 12-15 ปี แต่พูดก็ไม่ได้ เขียนก็ไม่เป็น เราจึงตอบไม่ได้ ใบ้กินไปตามๆ กัน
แม้ว่าเราจะรู้เหตุผลความอ่อนแอของการสอนภาษาอังกฤษ ในระบบโรงเรียนของเราเอง และเคยมีความพยายามจะแก้ไขเป็นครั้งเป็นคราว แต่ยังไม่เคยทำกันอย่างเป็นกิจจะลักษณะ จากระดับสูงสุด คือ ผู้รับผิดชอบบ้านเมืองที่มีทั้งทรัพยากร บุคลากร และ คำมั่นสัญญาต่อประชาชน
แต่ที่ขาด คือ ความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของการปฏิรูปการเรียนภาษาอังกฤษอย่างเป็นรูปธรรม
ที่ต้องย้ำเรื่องนี้อีกครั้งในวันนี้ ก็เพราะ...เมื่อเกิด “ประชาคมอาเซียน” หรือ AEC ในอีกสองปีข้างหน้า เราต้องเจอกับ “ของจริง” ในโลกแห่งการแข่งขัน และเมื่อถึงวันนั้น...จะใบ้กินกันทั้งประเทศ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น