วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Log3

          Now a day , 17 June 2013, teacher Anirut  Chumsawat give me 4 groups presentation .
          First, group 1 present about topic name is Task based learning. It’s help activity language , It’s natural. Classroom , teacher to use language , use English information , make role. Student can use listening speaking, reading and writing. Group 2 present about topic name is Project based learning . It’s science, give me knowledge . Group 3 present about topic name is speaking and listening Teaching and group 4 3 present about topic name is Reading and Writing teaching.
          Secondly, teacher say study in classroom and outside , it’s to be determined , industrious and to be patient.
          Now a day , I remember  Task based learning, Project based learning, speaking and listening Teaching and ,Reading and Writing teaching very good.
vocabulary
Part of speech
Phonetic
Meaning
natural
Adj.
แนชเริล
ธรรมชาติ
Existing in nature
-The natural world
project
n.
พรอจเจคทํ
โครงการ
A planned piece of work that is designed to find information about sth.
-a building project.
science
n.
ไซเอินซํ
วิทยาศาสตร์
Knowledge about the structure and physical world
-the laws of science.

I like project based learning because I love science very much.It’s learning a researcher.

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Communcative language teaching

การสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร (Communicative Language Teaching (CLT))
การสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร (Communicative Language Teaching (CLT))
                1. ความหมาย การสอนภาษาตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร เป็นการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ ซึ่งมุ่งเน้นความสำคัญของตัวผู้เรียนจัดลำดับการเรียนรู้เป็นขั้นตอนตามกระบวนการใช้ความคิดของผู้เรียน โดยเริ่มจากการฟังไปสู่การพูด การอ่าน การจับใจความสำคัญ ทำความเข้าใจ จดจำแล้วนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้
                2. ความสำคัญ กลุ่มนักจิตวิทยาการเรียนรู้เชื่อว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุดในการเรียน ผู้เรียนจะสามารถเรียนได้มากหรือน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับความเข้าใจเป็นสำคัญ เขาจะเรียนได้ดีถ้าเข้าใจจุดประสงค์ของการเรียน เห็นประโยชน์ในการนำสิ่งที่เรียนไปใช้ โดยสามารถเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนไปแล้วให้เข้ากับสิ่งที่กำลังเรียนอยู่ และสิ่งที่จะช่วยให้เรียนภาษาต่างประเทศได้ดี นอกเหนือจากสองเรื่องที่กล่าวมาแล้วก็คือ ต้องเข้าใจหลักภาษาที่ใช้ในการวางรูปแบบประโยคด้วยการสอนภาษาต่างประเทศในปัจจุบัน ได้หันมายึดแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารมากขึ้น มีการจัดกิจกรรมที่เน้น ผู้เรียนเป็นสำคัญ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมี
ความหมาย ได้ฝึกใช้ภาษาในสถานการณ์ที่มีโอกาสพบได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยยังคงให้ความสำคัญกับโครงสร้างไวยากรณ์ ตามที่ปรากฏอยู่ในเนื้อหาที่ใช้สื่อความหมาย ดังที่ ลิตเติลวูด (Littlewood, 1983) กล่าวไว้ว่า แนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารเป็นแนวการสอนที่ไม่จำกัดความสามารถของผู้เรียนไว้เพียงแค่ความรู้ด้านโครงสร้างไวยากรณ์เท่านั้น แต่สนับสนุนให้ผู้เรียนได้มีการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาทุก
ทักษะ โดยสัมพันธ์ความสามารถทางไวยากรณ์เข้ากับยุทธศาสตร์การสื่อสารด้วยวิธีการที่ถูกต้องและเหมาะสมกับกาลเทศะ ในชีวิตจริงผู้เรียนต้องสัมผัสกับการสื่อสารซึ่งเป็นการใช้ภาษาในรูปแบบต่างๆมากมาย ดังนั้นการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร ควรสอนให้ผู้เรียนคุ้นกับการใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน และนำภาษาที่คุ้นเคยนั้นไปใช้ได้คำกล่าวนี้สอดคล้องกับความเห็นของ วิดโดสัน (Widdowson, 1979) ที่ว่า
ความสามารถในการเรียบเรียงประโยคมิใช่เป็นความสามารถในการสื่อสาร การสื่อสารจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราสามารถใช้ประโยคได้หลายชนิดในโอกาสต่างๆกันเช่น การอธิบาย การแนะนำ การถาม-ตอบ การขอร้อง การออกคำสั่ง เป็นต้นความรู้ในการแต่งประโยคเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า ความรู้ความเข้าใจภาษา เท่านั้น ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์อยู่บ้าง แต่ถ้าจะให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ก็ต้องสามารถนำความรู้ในการใช้ประโยคไปใช้ให้เป็นปกติวิสัยได้ตามโอกาสต่างๆของการสื่อสาร
                3. แนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร ตามคำจำกัดความที่ ดักกลาสบราวน์ (H.Douglas Brown,1993) เสนอไว้ มีลักษณะ 4 ประการ ที่เชื่อมโยงสัมพันธ์
กันดังนี้
                3.1 เป้าหมายของการสอนเน้นไปที่องค์ประกอบทั้งหมดของทักษะการสื่อสาร และไม่จำกัดอยู่ภายในกรอบของเนื้อหาภาษาหรือไวยากรณ์
                3.2 เทคนิคทางภาษาได้รับการออกแบบมา เพื่อนำผู้เรียนไปสู่การใช้ภาษาอย่างแท้จริงตามหน้าที่ภาษา และปฏิบัติจริงโดยมีจุดมุ่งหมายในการพูดรูปแบบโครงสร้างภาษามิใช่เป้าหมายหลัก แต่ตัวรูปแบบเฉพาะของภาษาต่างหากที่ทำให้ผู้เรียนสามารถสื่อสารจนสำเร็จตามเป้าหมาย
                3.3 ความคล่องแคล่วและความถูกต้อง เป็นหลักการเสริมที่อยู่ภายใต้เทคนิคการสื่อสาร มีหลายครั้งที่ความคล่องแคล่วอาจจะมีความสำคัญมากกว่าความถูกต้อง เพื่อที่จะทำให้ผู้เรียนนำภาษาไปใช้ได้อย่างมีความหมาย
                3.4 ในการเรียนการสอนภาษาตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารในตอนท้ายสุด ผู้เรียนต้องใช้ภาษาอย่างเข้าใจและสร้างสรรค์ ภายในบริบทที่ไม่เคยฝึกมาก่อนจากแนวการสอนต่างๆดังได้กล่าวมาแล้ว ทำให้เกิดแนวคิดในการสอนภาษาว่าควรนำเสนอภาษาใหม่ในรูปแบบภาษาที่พบในสถานการณ์จริง เพื่อนำไปสู่การสอนคำศัพท์ โครงสร้าง การออกเสียง มีการฝึกฝนจนเกิดความเข้าใจในเนื้อหา โครงสร้าง
สามารถใช้ได้ถูกต้อง แล้วจึงนำความรู้ที่ได้ไปฝึกในสถานการณ์จริง แนวคิดนี้จึงกลายเป็นขั้นตอนของการสอนของแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร
                4. ขั้นตอนการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร จากแนวคิดในการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารแบบนี้เอง จึงทำให้เกิดขั้นตอนการสอนต่างๆ 3 ขั้นตอน ที่ใช้จัดการสอนกันทั่วไปในขณะนี้ขึ้น และขั้นตอนการสอนนี้ มีผลเชื่อมโยงต่อไปถึงสถานการณ์การสอน เทคนิคการสอน สื่ออุปกรณ์ และหน่วยการสอนด้วย ครูผู้สอนจึงควรทำความเข้าใจให้ชัดเจน เพื่อจะได้จัดการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพขั้นตอนการสอนทั้ง 3 ขั้นนี้ จะพบว่า มีปรากฏอยู่ในวิธีการนำเสนอเนื้อหาในแบบเรียนต่างๆ ที่ผู้เขียนแบบเรียนมีความรู้ด้านภาษาศาสตร์และแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารเป็นอย่างดี และปรากฏอยู่ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการ
สอนภาษาเพื่อการสื่อสารอย่างชัดเจนทั้ง 3 ขั้นตอน วิธีการดำเนินการในแต่ละขั้นตอนมีดังต่อไปนี้
                4.1 ขั้นการนำเสนอเนื้อหา (Presentation) ในการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ การนำเสนอเนื้อหาใหม่ จัดเป็นขั้นการสอนที่สำคัญขั้นหนึ่ง ในขั้นนี้ครูจะให้ข้อมูลทางภาษาแก่ผู้เรียน ซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นการเรียนรู้ มีการนำเสนอเนื้อหาใหม่ โดยจะมุ่งเน้นการให้ผู้เรียนได้รับรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายและรูปแบบภาษาที่ใช้กันจริงโดยทั่วไป รวมทั้งวิธีการใช้ภาษา ไม่ว่าเป็นด้านการออกเสียง ความหมาย คำศัพท์ และโครงสร้างไวยากรณ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ ควบคู่ไปกับการเรียนรู้กฎเกณฑ์
                4.2 ขั้นการฝึกปฏิบัติ (Practice) เป็นขั้นตอนที่ให้ผู้เรียนได้ฝึกใช้ภาษาที่เพิ่งจะเรียนรู้ใหม่จากขั้นการนำเสนอเนื้อหาในลักษณะของการฝึกแบบควบคุมหรือชี้นำ (Controlled Practice/Directed Activities) โดยมีครูผู้สอนเป็นผู้นำในการฝึกไปสู่การฝึกแบบค่อยๆปล่อยให้ทำเองมากขึ้น เป็นแบบกึ่งควบคุม
(Semi-Controlled) การฝึกในขั้นนี้มีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนจดจำรูปแบบของภาษาได้ จึงเน้นที่ความถูกต้อง
ของภาษาเป็นหลัก แต่ก็มีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายและวิธีการใช้รูปแบบภาษานั้นๆด้วยเช่นกัน ในการฝึกนั้น ครูผู้สอนจะเริ่มจากการฝึกปากเปล่า (Oral) ซึ่งเป็นการพูดตามแบบง่ายๆก่อน จนได้รูปแบบภาษา แล้วค่อยเปลี่ยนสถานการณ์ไป สถานการณ์เหล่านี้จะเป็นสถานการณ์ที่สร้างขึ้นภายในห้องเรียน เพื่อฝึกการใช้โครงสร้างประโยคตามบทเรียน ทั้งนี้ครูผู้สอนต้องให้ข้อมูลป้อนกลับด้วย เพื่อให้ผู้เรียนรู้ว่า ตนใช้ภาษาได้ถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้อาจตรวจสอบความเข้าใจด้านความหมายได้
(ไม่ควรใช้เวลามากนัก) ต่อจากนั้นจึงให้ฝึกด้วยการเขียน (Written) เพื่อเป็นการผนึกความแม่นยำในการใช้
                4.3 ขั้นการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร (Production) ขั้นการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร นับเป็นขั้นที่สุดขั้นหนึ่ง เพราะการฝึกใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารเปรียบเสมือนการถ่ายโอนการเรียนรู้ภาษาจากสถานการณ์ในชั้นเรียนไปสู่การนำภาษาไปใช้จริงนอกชั้นเรียน การฝึกใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารโดยทั่วไป มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้
ลองใช้ภาษาในสถานการณ์ต่างๆ ที่จำลองจากสถานการณ์จริง หรือที่เป็นสถานการณ์จริง ด้วยตนเอง โดยครูผู้สอนเป็นเพียงผู้แนะแนวทางเท่านั้น การฝึกใช้ภาษาในลักษณะนี้มีประโยชน์ในแง่ที่ช่วยให้ทั้งครูผู้สอนและผู้เรียนได้รู้ว่า ผู้เรียนเข้าใจและเรียนรู้ภาษาไปแล้วมากน้อยเพียงใด สามารถนำไปปรับใช้ตามความต้องการของตนเองแค่ไน ซึ่งการที่จะถือว่าผู้เรียนได้เรียนรู้แล้วอย่างแท้จริงคือ การที่ผู้เรียนสามารถใช้
ภาษาเพื่อการสื่อสารได้เองอย่างอิสระ ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ที่จะพบในชีวิตจริงนอกจากนี้ผู้เรียนจะมีโอกาสนำความรู้ทางภาษาที่เคยเรียนมาแล้วมาใช้เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ในการฝึกในขั้นตอนนี้อีกด้วย เพราะผู้เรียนไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาตามรูปแบบที่กำหนดมาให้เหมือนดังกรฝึกในขั้นการฝึก และการได้เลือกใช้ภาษาเองนี้ช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารให้แก่ผู้เรียนได้เป็นอย่างดี วิธีการฝึกมักฝึกในรูปของการทำกิจกรรมแบบต่างๆ โดยครูผู้สอนเป็นเพียงผู้กำหนดภาระงาน หรือสถานการณ์
ต่างๆให้ผู้เรียน


Teaching English using ICT

ICT in English teaching
ICT in English teaching
Searching for information on the Internet, chatting and game playing (often in English) are obvious parts of the lives of many young people in the 21st century. The opportunities that digital media provide today's language teachers with are enormous. Never before has it been so simple to bring the world into the classroom and have students use authentic materials and participate in real communicative contexts. Many teachers, however, are still afraid of bringing computers and the Internet into the classroom.

In our project group, which started in the autumn of 2006, we made a survey of how computers are used in the teaching of English in the southeast of Sweden. The results tally with other Swedish investigations. Computers are mainly used for word processing, information searching and e-mail, and to many English teachers the use of ICT is limited to these areas, in spite of all the other possibilities of practicing English are offered by computers and the Internet. They are, for instance,
  • using ready-made language exercises on the Internet
  • using media sites and other websites from organisations and authorities, in order to - for example - work with current events or thematic projects
  • communicating with students in other countries via e-mail and chat, or participating in subject-based discussion forums
  • exploit the many reference tools on the internet, such as on-line dictionaries
  • create and publish student work, in the form of, for instance, digital storytelling, blogs and wikis
There are several pedagogical gains to be made with well thought through use of ICT, observed by, among others, practicing teachers which we have interviewed, such as:
  • the possibility to connect the teaching of English to reality, that is to “bring the world in to the classroom”, by, for instance, using authentic texts, reading or listening to current news and creating opportunities for “real” communication
  • the possibility to offer more variation in one's teaching compared to only or mainly using a textbook and workbook
  • the possibility to offer a form of teaching which is more adapted to individual students' interests, learning styles and abilities
  • the possibility to motivate students by having them publish their work for a potentially bigger audience than the teacher only
The focus in this project has been on simple technology (a regular computer and an internet connection), material that is free and has a concrete connection to the subject of English. We believe that this is the best way of reaching a group of teachers who have not yet started using ICT on a regular basis, and we have had a lot of positive feedback on this approach.
The work of the project has been finished but has resulted in
  • a number of courses at different levels
  • a large number of in-service training seminars and lectures
  • several articles and student papers
  • the book Lära engelska på internet (by Maria Estling Vannestål)
  • Språklänkportalen, a web resource for English teachers including URL addresses to a number of different websites in different categories, reviews of many of these websites made by practicing teachers, a discussion forum etc.


Culture teaching

Practical Techniques for Teaching Culture in the EFL Classroom
Brian Cullen
cullen [at] ks.kyy.nitech.ac.jp
Nagoya Institute of Technology (Nagoya, Japan)
Kazuyoshi Sato
Nagoya College of Foreign Studies (Nagoya, Japan)
Teaching culture is considered important by most teachers but it has remained "insubstantial and sporadic in most language classrooms" (Omaggio, 1993, p. 357). Omaggio gives several reasons for this including lack of time, uncertainty about which aspects of culture to teach, and lack of practical techniques. In this paper, we will present a range of practical techniques that we have found to be successful in culture-based courses and some tips that can help to make the teaching of culture a better experience for both you and your students.
Creating Cultural Texture
Oxford (1994) has used the term 'cultural texture' to describe the many aspects of culture that we need to teach to our students. To achieve this texture, we need to vary three different parameters.
1.    Information Sources
2.    Activity-types
3.    Selling-points
1. Information Sources
In order to get a comprehensive picture of the target culture from many angles, we need to present our students with different kinds of information. The list below shows some possible sources of information which can be used as materials for teaching culture. By using a combination of visual, audio and tactile materials, we are also likely to succeed in addressing the different learning styles of our students.
·         Video
·         CDs
·         TV
·         Readings
·         Internet
·         Stories
·         Students own information
·         Songs
·         Newspapers
·         Realia
·         Fieldwork
·         Interviews
·         Guest speakers
·         Anecdotes
·         Souvenirs
·         Photographs
·         Surveys
·         Illustrations
·         Literature
2. Activity Types
Many books which attempt to teach culture offer only 'discussion' activities. Discussion is a valuable form of learning in culture, but we cannot expect all students to be able to discuss complex issues at a high level in a foreign language. Often, even high-level students need some preparatory activities with clear goals before they can proceed to discussion. Some of our favourite activities are discussed below.
Quizzes
We have found that quizzes are one of the more successful activity types. Quizzes can be used to test materials that you have previously taught, but they are also useful in learning new information. For example, look at the simple true/false quiz about Ireland below.
With a partner, answer true or false to the following questions.
1.    Ireland is totally dark during the winter.
2.    There is little snow except in the mountains.
3.    The population of Ireland is less than that of Aichi Prefecture.
4.    Ireland is about the same size as the island of Honshu.
5.    The United Kingdom includes the Republic of Ireland.
6.    The Coors, the Cranberries, U2, the Beatles and Enya are Irish musicians.
7.    Some Irish people think the Shinkansen connects Tokyo to Hong Kong.
You should ask the students to answer true or false to each of the questions in pairs or groups. They will share their existing knowledge and common sense to give answers. It is not important whether students get the right answer or not, but by predicting, students will become more interested in finding out the right answer. The right answers can be given by the teacher, through a reading, listening, or video. At this point, extra information can be provided. For example, in answering question 7 above, I tell the story of the Irish man sitting next to me on an airplane who gave me this lovely nonsense.
Here is a different type of quiz that can be useful for introducing the differences and similarities across cultures.
Choose the odd one out of the following items:
  1. a) Earthquakes b) Sushi restaurants c) Snow d) High level of education
The correct answer is 'earthquakes' because you can find all the others both in Ireland and in Japan, but there are no earthquakes in Ireland. Again, getting the correct answer is less important than thinking about the two cultures.
You can also ask students to quiz their partner about readings or other materials. Quizzes offer a high-interest activity that keeps students involved and learning.
Action Logs
An action log is a notebook used for written reflection on the activities done during class which also provides useful feedback for the teacher. Students write it up after each class or at the end of each class. By requiring students to evaluate each class activity for interest usefulness, difficulty, and , they must reconsider what they have learnt.Each student also records their target for speaking English, what they think they actually achieve, the names of their discussion partners, and their own comments on the activities. Some students get so interested in the target culture that they write several pages in comments each week.
Reformulation
When students have read an activity or listened to a story, you may like to use reformulation to allow them to check what they have learned and to reinforce it by retelling it to a partner. Reformulation simply means : 'Explain what you just learned to your partner in your own words.' It is a very simple technique, but has proved very successful for learning both culture and language. We often give readings for homework and require students to take notes on the content. These notes can be in the form of pictures, keywords, or mind-maps.
In the next class, we ask the students to reformulate the content of the reading with a partner using their notes without looking at the original paper. Reformulation is also effective after watching a short video extract or listening to a story. Through reformulation, students check what they have learnt, find out things that they have missed from their partner, and improve their language by noticing gaps in their own ability to explain.
Noticing
As students watch a video or are engaged with some other materials, you can ask them to 'notice' particular features. For example, they could watch a video of a target-culture wedding and note all the differences with their own culture. Asking students to 'notice' gives a focus to the materials by making it into a task, rather than simply passive viewing or listening.
Prediction
As mentioned above, prediction can be a useful tool in quizzes, but it can be equally useful in using almost any materials. Like 'noticing', prediction can engage the students more actively. For example, when you are telling a story, you can stop at a certain point and ask the students to predict how it will continue. Or, when you are giving out a reading for homework, first give the title of the reading and ask students to predict what they will learn. This will force them to review their existing knowledge of the topic and raise their curiousity about whether their prediction is correct or not.
Research
Student research is one of the most powerful tools that we can use with college students because it combines their interests with the classroom. For example, after the first class, we ask students to search the internet or library and find information on any aspect of the target-culture that interests them. In the following class, students explain to their group what they have learned and answer any questions about it. This can lead to poster-sessions or longer projects. For some students, it can even lead to a long-term interest in the target-culture.
Some other types of activity that we have found useful include the following but with a bit of thought, most standard EFL activities can be easily adapted for use in the culture classroom. The most important point is to ensure that the students are actively engaged in the target culture and language.
·         Games
·         Role Play
·         Field trips
·         Reading activities
·         Listening activities
·         Writing activities
·         Discussion activities
·         Singing
3. Selling Points
In order to create cultural texture, we must be careful not to portray the culture as monolithic, nor to only teach the pleasant aspects. Activities and materials should portray different aspects of the culture. In other words, we need to 'sell' different views of the culture to our students. Introducing deliberate contrasts within a culture can be useful. Some different 'selling points' are contrasted below.
·         Attractive vs. Shocking
·         Similarities vs. Differences
·         Dark aspects of culture vs. Bright
·         Facts vs. Behaviour
·         Historical vs. Modern
·         Old people vs. Young people
·         City life vs. Country life
·         Stated beliefs vs. Actual behaviour
Practical Tips
Personalization
Only by personalizing activities and content can we hope to lead students to better cultural understanding. We can start off by talking about a distant country, but this will only result in stereotyping if we do not allow students to relate the same issues to their own lives. And as every language teacher knows, students love to talk about themselves.
Activities, not just 'Discussion'
I was reading a book on teaching culture recently and had to laugh at one activity. 'Step 1 - introduce the material. Step 2 - Lead a lively discussion.' This is probably possible with some high-level students in some parts of the world, but for most foreign-language students, instant lively discussion is an unlikely scenario. We have found that activities with simple instructions and a clear goal such as quizzes or surveys are very successful even with low-level learners. It is very easy to extend such activities into open-ended discussions if the opportunity arises. On the other hand, it is often impossible to transform open-ended 'discussion' activities (usually with no clear goal) into activities which work effectively with low-level learners.
Suitable Level of Difficulty
Know your students. Even though you may see yourself primarily as a teacher of culture, if you are working with EFL students, you must constantly remember that they probably will not understand everything that you say. It is not necessary that they understand every word and indeed a challenge is wonderful for learning, but consistently using material or a way of speaking that is too difficult is a sure way to make students lose their interest in a target-culture.
Make It Interesting
Of course, the culture is interesting to you, so you presume that it will be interesting for your students. However, imagine sometimes that you are studying the culture of a foreign country, one that you may have no intention of visiting. Pick out the interesting aspects of a culture and present them in a way that will engage students. By using the variety of approaches described above to create cultural texture and by employing your own enthusiasm, you should also be able to create an exciting class for your students.
Group-work
Students learn more in groups. They have more opportunities for using the target language, discussing the target culture, and gaining additional perspectives on their own cultural.
Don't Try to Cover Everything
You can't. A culture is enormous. It consists of all the institutions, all the behaviour, in fact all the man-made aspects of a very large group of non-homogeneous people. All that we can do is provide some pathways to enter into learning more about the culture. After all, we never know everything about our own culture. We should not be disappointed that we cannot teach everything but rather be happy that we are able to raise intercultural awareness at all.
Learn Your Students' Language and Culture and Understand Your Own Cultural Baggage
One of the oddest things in the world must be a language teacher who only speaks one language or a culture teacher who only knows one culture. We are so immersed in our own culture that we can only understand it by trying to see it from the outside. Imposing our own values without making an attempt to understand our students' values is imperialistic and arrogant. We must remember that intercultural understanding runs both ways.
References
1.    Omaggio-Hadley, A.(1993). Teaching language in context. Boston, MA: Heinle & Heinle Publishers.
2.    Oxford, R. L.(1994). Teaching culture in the language classroom: Towards a new philosophy. In J. Alatis (ed.), Georgetown University Round Table on Language and Linguistics 1994 (pp. 26-45). Washington DC: Georgetown University Press.
3.    Seelye, H. N. (1993). Teaching culture: Strategies for intercultural communication (2nd ed.). Lincolnwood, Ill: National Textbook Company.